“Die Walküre” หรือ “วอลคีรี่” เป็นโอเปร่าหนึ่งในชิ้นโ过后ของ Richard Wagner ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวงโอเปร่า epical เรื่อง “Der Ring des Nibelungen” (“The Ring of the Nibelung”) ซึ่งแปลว่า “แหวนของนีเบลุง”
Wagner เป็นผู้แต่งชาวเยอรมันที่เชี่ยวชาญในดนตรีออร์เคสตราและโอเปร่า ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19 Wagner ได้สร้างความปฏิวัติในโลกดนตรีด้วยแนวคิด “Gesamtkunstwerk” ซึ่งหมายถึงผลงานศิลปะรวม หรือ “งานศิลปะทั้งหมด” โดยเขาเชื่อว่าดนตรี โอเปร่าและละครต้องผสมผสานกันอย่างลงตัว
“Die Walküre” เป็นโอเปร่าที่สองในวงโอเปร่า The Ring of the Nibelung และเล่าเรื่องราวของเหล่าวอลคีรี่ ซึ่งเป็นนางผู้แข็งแกร่งที่ขี่ม้าบินและนำวิญญาณของวีรชนไปสู่ วัลฮ็อลล์
ดนตรีอันทรงพลังและน่าตื่นเต้น
Wagner เป็นที่รู้จักในด้านการใช้ดนตรีที่ยิ่งใหญ่และเต็มไปด้วยอารมณ์ ซึ่งสามารถสะท้อนความซับซ้อนของเรื่องราวได้อย่างสมบูรณ์แบบ “Die Walküre” เต็มไปด้วยธีมและเพลงที่ไพเราะและน่าจดจำ
- Ride of the Valkyries: บทเพลงนี้เป็นหนึ่งในบทเพลงที่โด่งดังที่สุดของ Wagner ซึ่งใช้ในการสร้างภาพยนตร์ โฆษณา และรายการโทรทัศน์มากมาย
- Siegmund’s Awakening: บทเพลงนี้แสดงถึงความรู้สึกของ Siegmund ในขณะที่ตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับ
บทบาทที่สำคัญใน Die Walküre:
ตัวละคร | บทบาท | รายละเอียด |
---|---|---|
Siegmund | วีรชน | นางเอกของเรื่อง ผู้ถูกคัดเลือกโดยเหล่าวอลคีรี่ |
Sieglinde | หญิงสาว | น้องสาวของ Siegmund |
Wotan | ราชาแห่งเทพเจ้า | บิดาของ Siegmund และ Brunnhilde |
ธีมสำคัญและความหมายใน Die Walküre:
- ความรักและหน้าที่: “Die Walküre” เล่าถึงเรื่องราวความรักระหว่าง Siegmund และ Sieglinde ซึ่งต้องเผชิญกับการห้ามปรามจากเทพเจ้า Wotan
- อำนาจของโชคชะตา: Wagner เชื่อว่ามนุษย์ไม่มีอำนาจเหนือโชคชะตา
“Die Walküre” เป็นโอเปร่าที่สมบูรณ์แบบทั้งในแง่ดนตรีและเนื้อเรื่อง การแสดงครั้งแรกของโอเปร่านี้มีขึ้นเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน ค.ศ. 1870 ที่เมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี และได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม
ผู้ที่ชื่นชอบดนตรีคลาสสิกควรได้ฟัง “Die Walküre” อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต เพราะโอเปร่าเรื่องนี้เป็นผลงานชิ้นเอกของ Wagner และเป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของดนตรีออร์เคสตราและโอเปร่า